Logo

Video Content เทรนด์มาแรงช่วยดัน SEO และ SEM .....

Video Content is a hottest trend that drives SEO and SEM

เขียนเมื่อ 24 Jan 2022

          วินาทีนี้เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ปังสุด!! คงจะต้องยกให้การทำคอนเทนต์ประเภท Video Content เพราะยุคนี้สมัยนี้ใคร ๆ ก็ชอบดูคลิปวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดง วัยทำงาน ผู้ใหญ่ หรือวัยไหนก็ชอบเสพคลิป เพราะไม่เสียเวลา ไม่ต้องคอยนั่งอ่านให้เหนื่อย อีกทั้ง Video Content มีพลังโน้มน้าวใจผู้คน ช่วยสร้างการรับรู้ รวมทั้งเพิ่มยอดขายได้ดีกว่า จึงทำให้ Video Content เป็นเทรนด์มาแรงแบบปฏิเสธไม่ได้ หากสงสัยว่าการทำ Video Content นั้นมีผลดีกับธุรกิจอย่างไรบ้าง และมีรายละเอียดอย่างไร มาติดตามกันเลยค่ะ

 

ถามว่า Video Content คืออะไร

          Video Content คือ คอนเทนต์วิดีโอบอกเล่าเนื้อหาผ่านรูปแบบคลิปวิดีโอ หรือภาพเคลื่อนไหว เช่น Vlog, LIVE สด, คลิปรีวิว, การนำเสนอวิดีโอต่าง ๆ เพื่ออธิบาย สร้างแบรนด์ รวมทั้งโปรโมทโฆษณาแบรนด์ธุรกิจผ่านรูปแบบวิดีโอเคลื่อนไหวนั้นเอง

          ตอกย้ำความน่าสนใจของ Video Content ด้วยประโยคในบทความ Video Marketing Trends in 2022 ที่บอกเล่าไว้ว่า “2022 will be the year of videos.” เมื่อกระแสเป็นเช่นนี้ การที่ธุรกิจจะหันมาเพิ่มการทำ Video Content ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างแรง 

          แม้ Video Content เป็นเทรนด์เกิดขึ้นมาสักพัก และได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผลจากโควิด-19 เมื่อไม่สามารถออกเดินทางไปไหนมาไหนได้ อีกทั้งต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal จึงทำให้ผู้คนเปิดใจ และหันมาดู Video Content ในโลกออนไลน์มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

          ตอนนี้กระแแสแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นวิดีโอต่าง ๆ กำลังมาแรง ยิ่งในช่องทาง Youtube, TikTok และการค้นหาบน Google ส่วนใหญ่ชาวเน็ตก็มักจะคลิกดูวิดีโอก่อนอ่านบทความ หรือตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการล่ะ

 

Video Content ช่วยทำให้อันดับ SEO ดีขึ้น

          เดี๋ยวนี้คนดูวิดีโอก่อนซื้อ! เมื่อเรารู้ว่าลูกค้าชอบอะไร ในฐานะนักการตลาดเราก็ต้องพาสินค้าและบริการของเราไปอยู่ตรงจุดนั้น จากเดิมที่เคยทำ SEO (Search Engine Optimization) แบบเน้น Keywords เขียนบทความคอนเทนต์ลงบนบล็อกหรือเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ก็อาจจะต้องเพิ่มการทำ Video Content บอกเล่าไปด้วยให้ตอบโจทย์ต่อให้ง่ายการค้นหาในโลกออนไลน์  

          โดย Video Content นอกจากมีประโยชน์เข้าถึงคนได้ง่ายแล้ว ยังมีประโยชน์ คือหากเราโพสต์คลิปลงแพลตฟอร์ม YouTube ช่วยทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ Google เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาในเสิร์ชเอนจิ้นได้ด้วย ยิ่งช่วยเพิ่มแต้มต่อให้การตลาดออนไลน์แบบ SEO เติบโตได้อย่างยั่งยืนล่ะ เพราะอย่าลืมว่า YouTube เนี้ยะเป็นบริษัทฯ ที่อยู่ในเครือของ Google นะ ดังนั้น การทำทั้งคอนเทนต์บล็อก พร้อมกับคอนเทนต์วิดีโอพร้อมกันก็ช่วยดันอันดับได้เยอะ

 

Video Content ก็มีประโยชน์ต่อการทำ SEM เช่นกัน

          เพราะ Video Content กำลังฮิต คนชอบดูวิดีโอก็จะทำให้มีคนเห็นโฆษณามากขึ้นด้วย ดังนั้น การทำ SEM (Search Engine Marketing) ด้วย Video Content โปรโมทให้กลุ่มเป้าหมายเจอสินค้าและบริการ หรือโปรโมชั่นของเราบ่อย ๆ ก็ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้ด้วยนะ อาจจะเน้น Video Content ตัดที่มีไม่ยาวมาก ประมาณ 30 วินาที 15 วินาที 6 วินาทีเอาไว้ลงโฆษณา Google Ads โปรโมทบน YouTube เช่น 

  • โฆษณาบัมเปอร์ (Bumper ads) โฆษณาแบบสั้น ๆ แบบกดข้ามได้ ความยาว สูงสุด 6 วินาที
  • โฆษณาวิดีโอแบบข้ามได้ (Skippable video ads) แทรกก่อนเปิดวิดีโอ YouTube ความยาว 15-30 วินาที กดข้ามได้หลังจากเล่นไปแล้ว 5 วินาที
  • โฆษณาแบบกดข้ามไม่ได้ (Non-Skippable video ads) บังคับให้ดูกันไป ผู้ชมต้องดูโฆษณาวิดีโอให้จบ ก่อนที่จะดูคลิปที่ต้องการ โฆษณาอาจจะมีความยาว 15 หรือ 20 วินาที

          หรือจะโพสต์ Video Content ที่มีความยาว 5-15 วินาที ซื้อโฆษณา In-stream ads แบบกดข้ามไม่ได้บนแพลตฟอร์ม Facebook ก็ใช้ได้เหมือนกัน เพราะว่าคนไทยก็ดู Facebook Watch เยอะเหมือนกันนะ Magnus ขออ้างอิงข้อมูลจาก Facebook Business บอกว่า เดือนนึงคนไทยกว่า 37 ล้านคนดู Facebook Watch เป็นประจำ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขไม่น้อยเลย 

          เอาเป็นว่า การลงทุนทำ Video Content สำหรับการซื้อโฆษณาอาจจะต้องเลือกให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย (Target) ของคุณจะดีที่สุดนะ ลูกค้าอยู่ที่ไหน ก็ไปโฆษณาที่ตรงนั้น จะได้ไม่เปลืองงบเกินเหตุนะคะ

 

ประเภท Video Content ที่อยากแนะนำให้ลองทำ

          เพราะไม่ใช่แค่การทำวิดีโอทั่วไปแล้วจะสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ เผื่อใครคิดไม่ออก เรามี 4 ไอเดียทำ Video Content มาแนะนำค่ะ 

1.User-generated Content (UGC) Video เน้นคอนเทนต์วิดีโอจากลูกค้าตัวจริง ผู้ใช้จริง กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจเราจริง ๆ มาช่วยโปรโมทแบรนด์ก็ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้เช่นกัน ทำให้ Video Content แนวนี้เหมาะกับแคมเปญที่มีวัตถุประสงค์ Awareness และ Engagement ซึ่งเป็นฟีลลิ่งตอกย้ำเพิ่มความมั่นใจให้คนซื้อว่า แบรนด์เราดีจริง หรือแบรนด์เรามีตัวตนอยู่จริงนะ 
 

2.Interactive Video วิดีโอสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกันกับผู้ชม เช่นการเปิดโพลล์ การสอบถาม หรือการเสนอขายโปรโมชั่นพิเศษกันไปเลยจะได้ปิดการขายง่ายขึ้น รวมทั้งการ LIVE สดขายของ พูดคุย หรือสอบถามความเห็นกันแบบสด ๆ ก็ช่วยให้เราทำการตลาดได้อย่างหลากหลายและมีมิติมากขึ้นเยอะเลย โดยการทำวิดีโอรูปแบบ Interactive นี้อาจจะเหมาะกับช่องทาง TikTok เพราะว่ามีเครื่องไม้เครื่องมือ Duet ให้เล่นเยอะกว่า แบบไม่จำกัดไอเดียล่ะจ้า

 

3.FAQ Videos สำหรับธุรกิจที่มีความซับซ้อน มีรายละเอียดเยอะ ก็ทำคลิปถามตอบคำถามที่พบบ่อยไว้เลยสิคะ จะได้ช่วยประหยัดเวลาทั้งทางลูกค้าและทางทีมงานแอดมินด้วย ซึ่งความท้าทายคือเราจะต้องรวบรวมคำถามยอดฮิต และหาคำตอบมาอธิบายผ่าน Video Content ให้ฟังกันไปเลย รับรองว่าได้ใจลูกค้าแน่นอน

 

4.Personalized Video เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Personalized Marketing ที่ใช้กลยุทธ์พูดถึงชื่อลูกค้า หรือจะถ่ายทำในมุมมองบุคคลที่ 1  (First Person) ซึ่งเป็นอีกไอเดียการทำ Video Content ที่ได้ใจคนดู  วิดีโอที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเรา เพราะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งนี้ การทำ Personalized Videos อาจจะต้องอาศัยการหาข้อมูล และทำข้อมูลให้ชัดเจนก่อนลงมือทำนะคะ 

 

 

          นึกไม่ออกว่า Personalized Video เป็นยังไง ขอยกตัวอย่างโฆษณา iPhone 13 Run Baby Run ของ Apple เป็น Video Content ความยาวเพียง 38 วินาที เน้นฟีเจอร์หลัก ๆ เลยก็คือความทนทาน

iPhone 13 Run Baby Run

          สำหรับ  iPhone 13 Run Baby Run บอกเล่า เด็กวัยกำลังซนได้หยิบมือถือของคุณแม่เอาไปแล้ววิ่งเล่น ตามด้วยการทุบ ครูดกับทุกสิ่งอย่างรอบตัว โดยมือถือกำลังอัดวิดีโอกล้องหน้าค้างอยู่เพื่อถ่ายทอดว่า iPhone กำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร และความซนของเด็กก็ช่วยอธิบายได้ดีว่า เจ้ามือถือ iPhone 13 นั้นทน

 

 

         อย่างไรก็ดี โฆษณา Run Baby Run นี้น่าจะโดนใจคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ เพราะจบท้ายด้วย “Relex, it’s iPhone” สบายใจได้ว่า ทนกับทุกสถานการณ์ไม่พัง ฮ่า ๆ ตามโฆษณาสื่อถึงนะ 

          และทั้ง 4 ไอเดียการทำ Video Content นี้เป็นเพียงตัวอย่างเทรนด์ที่เอามาบอกเล่าแนะนำเท่านั้นนะ ไม่ใช่ไอเดียการทำ Video Content ทั้งหมดนะคะ ซึ่งจะต้องหยิบมาใช้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายของ Digital Marketing เรานะ 

 

จะให้ดีต้องทำ Video Content ลงแพลตฟอร์มไหนบ้าง

          ส่วนการทำ Video Content ที่ดีจะต้องโพสต์ลงช่องทางไหนบ้าง อาจจะต้องอธิบายว่า ต้องเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายการตลาดของเรา เช่น ต้องการสร้างการรับรู้ Awareness อย่างเดียว ก็สามารถลงได้ทุกช่องทาง ทุกแพลตฟอร์มตามสะดวก เช่น YouTube, Vimeo, Twitter, Facebook, IGTV, Instagram stories, Twitch, TikTok, Snapchat ฯลฯ เลือกลงได้เลย

          ถ้าเน้น Conversion เน้นยอดขาย หรือเน้นหารายชื่อลูกค้า (Lead Generation) เป็นหลัก อาจจะต้องเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับลูกค้าของเราให้มากที่สุด จะให้ดีต้องมีช่องทางที่สามารถติดต่อได้อย่างสะดวก ไร้รอยต่อ จึงจะสามารถวัดผลลัพธ์ได้จริงแบบคุ้มค่า ไม่เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ล่ะ

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ 

https://backlinko.com/hub/content/video 

https://www.linkedin.com/pulse/video-marketing-trends-2022-passionate-video-marketer-/?trk=articles_directory 

https://www.facebook.com/business/ads/video-ad-format