4 เทคนิคการส่งข้อความหาลูกค้า ทำแล้วไม่ถูก Ignore .....

          การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันเทคนิคต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นด้านออนไลน์ เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนให้ความสำคัญ จนบางทีอาจลืมไปว่ากลยุทธ์การตลาดแบบเดิมก็ยังคงใช้งานได้ดี ช่วยสร้างยอดขายดึงความสนใจให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดีไม่น้อย กลวิธีเดิม ๆ ที่ผู้คนทุกยุคทุกสมัยคุ้นชินอย่าง SMS Marketing หรือการส่งข้อความสั้น ๆ เพื่อโปรโมท ประชาสัมพันธ์ บอกข่าวเล่าเรื่อง หรือเปิดตัวแคมเปญสำคัญ ก็ยังคงได้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้

         แต่การที่จะทำให้การตลาดแบบ SMS ของแบรนด์ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้ ข้อความที่ส่งไม่ถูก Ignore ปล่อยผ่านแล้วกดลบทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย โดยยังไม่ทันได้กดเข้าไปอ่านเสียด้วยซ้ำ การจะทำ SMS Marketing ให้เกิดประสิทธิภาพย่อมต้องมีเทคนิคที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน และวันนี้เราจะมาเผยเทคนิคเหล่านี้ ที่จะทำให้คุณไม่เสียเงินลงทุนทำการตลาดไปฟรี ๆ
 

1. ให้ความสำคัญกับ Sender
          Sender หรือชื่อผู้ส่ง ควรตั้งเป็นชื่อเดียวกับแบรนด์ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ชื่อแบรนด์จะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มาผสมผสานกับแนวคิดทางการตลาด ตั้งชื่อออกมาให้ครอบคลุมกับสินค้าและสตอรี่ของแบรนด์ที่ต้องการสื่อสาร เพื่อบ่งบอกถึงตัวตนได้อย่างมีเอกลักษณ์
และเมื่อได้ชื่อแบรนด์ที่เหมาะสมแล้ว การส่งข้อความไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจำเป็นอย่างยิ่งที่ Sender จะต้องกำหนดให้เป็นชื่อแบรนด์ ไม่ใช่ตัวเลขหรือเบอร์โทรศัพท์ทั่วไป เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือ ประกอบกับดูเป็นการทำงานแบบมืออาชีพ ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเปิดอ่านข้อความของลูกค้า ให้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

2. หัวข้อที่ส่งต้องดึงดูดความสนใจ
          ข้อความสั้น ๆ ที่ทำให้คนอ่านรู้สึกอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม เหมือนกับการดูตัวอย่างภาพยนตร์ที่สปอยให้ทราบเรื่องราวบางส่วนเพียงเล็กน้อย เพื่อให้อยากติดตามรายละเอียดทั้งหมด ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ทีมที่เขียนข้อความอาจจะต้องทำงานหนักพอสมควร เพื่อคิดหาหัวข้อและสร้างคอนเทนต์สำหรับการส่งข้อความที่ต้องน่าสนใจ เห็นแล้วกระตุ้นต่อมอยากให้ต้องกดเข้ามาอ่านทันที สามารถมัดใจผู้รับให้ไม่อาจนิ่งเฉยต่อข้อความตรงหน้า

3. เวลาในการส่งคือ Key Success Factor
          ต่อให้ข้อความน่าสนใจขนาดไหน ถ้าส่งไม่ถูกที่ ถูกเวลา ก็สามารถลดถอนความน่าสนใจนั้นลงได้ โดยการกำหนดเวลาส่งข้อความนั้นควรเลือกเวลาที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย อาทิ หากกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คือกลุ่มพนักงานออฟฟิศ เวลาที่เหมาะสมจะเป็นช่วง 7.30 – 8.30 น. ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ว่างจากการทำกิจวัตรตอนเช้าก่อนเริ่มการทำงานนั่นเอง หรือหากไม่ต้องการส่งตอนเช้า
ช่วงเวลาพักกลางวันก็เป็นอีกหนึ่งช่วงที่น่าสนใจ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันมักจะทานข้าวไปเล่นมือถือไประหว่างทาน ทำให้โอกาสจะกดเข้าไปอ่าน SMS มีเพิ่มมากขึ้น ส่วนช่วงเวลาที่ไม่ควรส่งเลยก็คือช่วงเวลาพักผ่อน หรือ Family Time เพราะช่วงเวลานี้ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับความสุขกายสบายใจตรงหน้ากับครอบครัว หรือทำเรื่องส่วนตัว การลงทุนในช่วงเวลานี้อาจทำให้คุณเสียเงินทำการตลาดไปฟรี ๆ

4. ความถี่ในการส่ง SMS คือข้อควรระวัง

ไม่ใช่ว่าการส่งข้อความย้ำเตือนลูกค้าถึงโปรโมชั่น แคมเปญ ข่าวประชาสัมพันธ์ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จะทำได้บ่อย ๆ หรือทำได้ตลอดเวลา เพราะหากคุณส่ง SMS หาลูกค้าถี่เกินไป อาจทำให้ลูกค้าเกิดความรำคาญ บล็อกการส่งข้อความ หรืออาจโดนแจ้งสแปมก็เป็นได้ ทางที่ดี ควรพิจารณาจุดลงตัว วิเคราะห์และกำหนดความถี่จากพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย ทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าของคุณ
เพื่อให้สามารถกำหนดยุทธ์การตลาดได้ถูกจุดตรงใจ

          ทั้ง 4 เทคนิคการส่งข้อความที่นำมาฝากกันในวันนี้ คงพอนำไปต่อยอดเป็นไอเดียในการทำ SMS Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ลูกค้าเห็นแล้วเกิดความสนใจไม่ Ignore
          แต่หากอยากเพิ่มความมั่นใจในการใช้กลยุทธ์การตลาดการส่ง SMS นี้ สามารถขอรับคำปรึกษากับ ThaiBulkSMS ได้ตลอด
24 ชั่วโมง เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ด้าน SMS Marketing โดยเฉพาะ ช่วยยกระดับการส่งข้อความธรรมดาให้ดูพิเศษและน่าสนใจมากขึ้น สามารถส่งข้อความได้รวดเร็ว เสถียร ใช้งานง่าย ปลอดภัย ไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญสามารถนำมาปรับใช้กับแพลตฟอร์มของแบรนด์ได้ทันที และรองรับการใช้งานทุกภาษา การันตีการใช้งานด้วยการมอบ SMS ให้ทดลองใช้ฟรีถึง 20 เครดิต มั่นใจได้เลยว่า ThaiBulkSMS
จะช่วยส่งสารให้ถึงมือลูกค้า ข้อความไม่ถูก Ignore อย่างแน่นอน